อำเภอ บางปลาม้า
คำขวัญอำเภอ
-
ที่อยู่ที่ว่าการอำเภอ ม.5 ในเขตเทศบาลตำบลโคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
หมายเลขโทรศัพท์ 035-587380
หมายเลขโทรสาร
035-587380 ต่อ 102
ข้อมูลทั่วไป
ประวัติความเป็นมา ตั้งเมื่อ
พ.ศ.2440 กำหนดเขต
อ.บางปลาม้าตรงกับสมัยพระสมุทรคณานุรักษ์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำท่าจีนตอนใต้ มี
"ปลาม้า"
ชุกชุม ที่ว่าการอำเภอหลังแรกตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางปลาม้า
ในปี
2442 เกิดเพลิงไหม้จึงได้ย้ายมาสร้างที่ปัจจุบัน
เนื้อที่/พื้นที่ 482.954 ตร.กม.
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอบางปลาม้ามีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียงดังนี้
ทิศเหนือ
ติดต่อกับอำเภอเมืองสุพรรณบุรี
ทิศตะวันออก
ติดต่อกับอำเภอผักไห่และอำเภอบางซ้าย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
ทิศใต้
ติดต่อกับอำเภอสองพี่น้อง
ทิศตะวันตก
ติดต่อกับอำเภออู่ทอง3.สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไป แบบมรสุม
มี 3 ฤดู
ข้อมูลการปกครอง
1.ตำบล.......14....
แห่ง 3.เทศบาล..4.....แห่ง
2.หมู่บ้าน....127....
แห่ง 4.อบต........14 ... แห่ง
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
1.อาชีพหลัก
ได้แก่ ทำนา เลี้ยงกุ้ง/ปลา
ปลูกพืชผัก
ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ
เลี้ยงสัตว์
2.อาชีพเสริม
ได้แก่ กลุ่มอาชีพศิลปหัตถกรรม
กลุ่มอาชีพผลิตอาหาร
ของใช้
ด้านสังคม
1.โรงเรียนมัธยม
ได้แก่ โรงเรียนบางปลาม้า
"สูงสุมารผดุงวิทย์" โทร.035-587340
โรงเรียนหรรษาสุจิตต์วิทยา
2 โทร.035-416111
โรงเรียนบางแม่หม้ายรัฐราษฏร์รังสฤษดิ์
โทร.035-424356
2.มหาวิทยาลัย
ได้แก่ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วิทยาเขตสุพรรณบุรี ม.10 ต.โคกคราม
ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของอำเภอ
อุทยานมัจฉา
วัดป่าพฤกษ์ ม.4 ต.บ้านแหลม
อุทยานมัจฉา
วัดเจ้าขาว ม.4 ต.ตะค่า
อุทยานมัจฉา
วัดสาลี ม.2 ต.สาลี
อุทยานมัจฉา
วัดช่องลม ม.5 ต.ไผ่กองดิน
**********************************************************************************************************************************
แนะนำที่เที่ยวสำหรับคนชอบเที่ยว
เก้าห้องชื่อนี้มีตำนาน
ตลาดเก้าห้อง
เป็นตลาดห้องแถวเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำท่าจีน อายุประมาณ 100 ปี
สร้างประมาณต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบางปลาม้า
หมู่ที่ 2 ตำบลบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
จากเอกสารที่มีผู้เขียนเกี่ยวกับประวัติตลาดเก้าห้อง และจากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุ
คำว่า “ตลาดเก้าห้อง” น่าจะนำมาจากชื่อของบ้านเก้าห้อง
ซึ่งเป็นบ้านโบราณมีประวัติสืบทอดมายาวนานตลาดเก้าห้องเล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยชาวจีนคนหนึ่งชื่อ
“นายฮง” อพยพมาจากกรุงเทพฯ
มาทำมาค้าขายอยู่บริเวณละแวกบ้านเก้าห้อง กิจการค้ารุ่งเรืองดี ในราว พ.ศ. 2424
ได้แต่งงานกับ “นางแพ” ซึ่งเป็นหลานสาวของขุนกำแหงฤทธิ์แห่งบ้านเก้าห้อง
และได้ประกอบอาชีพค้าขายที่แพ ซึ่งสร้างขึ้นไว้ 1 หลัง
จอดอยู่ริมน้ำหน้าบ้านเก้าห้อง
ซึ่งในสมัยก่อนเป็นย่านค้าขายที่มีเรือนแพขายของสองฝั่งแม่น้ำ นายฮง
หรือที่ชาวบ้านมักนิยมเรียกว่า “เจ๊ก-รอด” ทำการค้าขายสินค้าทุกประเภทโดยเฉพาะเครื่องบวช
เครื่องมืออุปกรณ์ทำนา และเครื่องอุปโภคบริโภคทั้ง
หลายจนร่ำรวย
และรู้จักกันในนามต่อมาว่า “นายบุญรอด เหลียงพานิช”
ในปี
พ.ศ. 2467 โจรได้ปล้นแพของนายบุญรอด และได้ทำการประทุษร้ายนางแพจนถึงแก่กรรม
หลังจากนั้นไม่นานนายบุญรอดได้สมรสกับ นางส้มจีน
นายบุญรอดเริ่มวางแผนผังและสร้างตลาดบริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านเก้าห้อง โดยโยกย้ายแพทั้งหลายขึ้นไปค้าขายบนบกคือในตลาด
เพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำในบริเวณนั้น
และเปิดการค้าทางบกมากขึ้นและนำชื่อบ้านเก้าห้องมาเป็นชื่อตลาด คือ “ตลาดเก้าห้อง”
ต่อมาในปี
พ.ศ. 2477 นายบุญรอดได้สร้างป้อม ซึ่งกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตร มี 5
ชั้น ชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้า แต่ละชั้น บริเวณฝาผนังของทุกด้านมีรูกลมโต
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว โดยมีพระยารามราชภักดี
เจ้าเมืองสุพรรณบุรีในสมัยนั้นมาเป็นผู้ทำพิธีเปิด
เหตุที่สร้างป้อมขึ้นมาเพราะในระยะนั้นพวกโจรหรือที่เรียกว่า “เสือ” หลายคนออกปล้นฆ่าตามริมน้ำท่าจีนเสมอ
จึงได้สร้างป้อมไว้สังเกตการณ์และมีการเตรียมการป้องกันการปล้นสะดมของเสือทั้งหลายด้วย
ถ้าเสือมาคนจะขึ้นไปประจำอยู่ในป้อมตามชั้นต่างๆ เอาปืนส่องยิงตามรูทั้ง 4
ด้านของป้อม เพื่อต่อสู่กับเสือที่มาปล้น และจากคำบอกเล่าของยายของผู้เขียนเอง
เล่าว่าในสมัยสงครามโลก เวลากลางคืนจะมียามขึ้นไปคอยสังเกตการณ์บนป้อม
ถ้ามีเครื่องบินบินมาก็จะส่งสัญญาณให้คนในตลาดหรี่หรือดับตะเกียงเพื่อไม่ให้เครื่องบินมองเห็นไป
จะได้ไม่ทิ้งระเบิดลงมา
ในอดีตตลาดเก้าห้องนอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าขายแล้วยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ
ผู้คนจากพื้นที่ใกล้เคียงที่จะเดินทางหรือไปทำการค้าขายในตัวเมืองสุพรรณบุรี
และกรุงเทพฯ จะต้องมาลงเรือโดยสารที่ตลาดเก้าห้อง เพราะสมัยก่อนหนทางยังไม่เจริญ
จึงต้องใช้การคมนาคมทางน้ำ
เป็นหลัก
ในสมัยเมื่อผู้เขียนเป็นเด็กยังเคยเห็นคนขี่ม้าเข้ามาในตลาดเก้าห้อง
เพื่อมาลงเรือโดยสารเข้ากรุงเทพฯ
สภาพในอดีตของตลาดเก้าห้องที่เป็นศูนย์กลางการค้าขายและศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำนับวันแต่จะหายไป
เนื่องจากการคมนาคมเจริญมากขึ้น ถนนเข้ามาแทนที่แม่น้ำ
ตลาดเก้าห้องก็ยังเป็นชุมชนริมน้ำที่ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างเรียบง่าย
พึ่งพาอาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน
ยังรักษาเอกลักษณ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีไว้
แม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านไปแต่ตลาดเก้าห้องยังคงยืนหยัดตระหง่านอยู่คู่แม่น้ำท่าจีนสืบไป.
***********************************************************************************
บางแม่หม้ายโฮมสเตย์ อำเภอบางปลาม้า
ย้อนอดีตบ้านทรงไทย
กับวิถีชีวิตริมคลองและท้องทุ่งเมืองสุพรรณ
หมู่บ้านบางแม่หม้ายเป็นชุมชนเก่าแก่อายุนับร้อยปี
อยู่ในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มทางตอนใต้ของเมืองสุพรรณ ในเขตอำเภอบางปลาม้า
กลุ่มบ้านทรงไทยโบราณกว่า 100 หลัง ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและบรรยากาศของชนบท
ท้องทุ่ง และคลองบางแม่หม้าย
เป็นสถานที่ที่ยังคงรูปแบบและวิถีชีวิตดั่งเดิมของอดีต ที่น่าชมและ
น่าสัมผัสกับความเป็นอยู่ของคนในชนบท บ้านบางแม่หม้าย
อาจจะไม่เป็นสถานที่ที่คุ้นหูของนักท่องเที่ยว แต่เป็นที่ที่น่าสนใจ สำหรับนักเดินทางที่ต้องการย้อนอดีตเข้าไปอยู่ในภาพชนบทเมืองสุพรรณเมื่อกว่า
100 ปี
โฮมสเตย์เรือนไทย สไตล์...บางแม่หม้าย
ภาพวิถีชีวิตริมคลอง
ที่รายล้อมด้วยท้องทุ่งนาและทิวต้นตาลยาวสุดลูกหูลูกตา และกิจกรรม
นั่งเรือชมวิถีชีวิตริมคลองบางแม่หม้าย นั่งรถอีแต๋นชมท้องทุ่ง
ถีบจักรยานชมบรรยากาศของชมชนและบ้านทรงไทยโบราณ
หรือสบายๆริมชานเรือนกับหนังสือดีๆสักเล่ม ความสุขที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ไม้กวาดร้อยปี ของดีบางแม่หม้าย
เป็นไม้กวาดที่ทำจากใยมะพร้าว
ภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีที่นี่ที่เดียว ทำจากใยของกากมะพร้าวที่ให้ความแข็งแรง
มีอายุการใช้งานยาวนานนับ 10 ปี มีวิธีการทำหลายขั้นตอน
ตั้งแต่การนำกาบมะพร้าวมาแช่น้ำ 15-30 วัน จนเปื่อยยุ่ย
จึงค่อยนำมาทุบให้เหลือแต่เพียงเส้นใย
ตากแดดให้แห้งจึงจะนำมามัดติดกับด้ามที่ทำจากไม้หนามแดง หรือ ไม้หนามก้างปลา
ที่มีลวดลายสวยงาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น